ซีลิค (SELIC) เข้าซื้อกิจการกลุ่ม PMC 100% มูลค่ากว่า 1 พันล้านบาท หวัง synergy เสริมฐานลูกค้า
บมจ. ซีลิค คอร์พ หรือ SELIC เข้าซื้อกิจการกลุ่ม PMC100% มูลค่ากว่า 1 พันลบ. หวัง synergy เสริมทัพขยายฐานลูกค้ามากขึ้น ด้าน “คุณเอก สุวัฒนพิมพ์” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และคุณยุวดี เอี่ยมสนธิทรัพย์ รักษาการรองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร หวังต่อยอดพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์ใหม่ ในกลุ่มผลิตภัณฑ์กาว-สติกเกอร์ พร้อมเชื่อเป็นโอกาสในการเพิ่มยอดขายและกำไรจากธุรกิจของกลุ่มกิจการ
นายเอก สุวัฒนพิมพ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซีลิค คอร์พ จำกัด (มหาชน) SELIC เปิดเผยว่า คณะกรรมการบริษัทมีมติซื้อหุ้นสามัญทั้งหมดใน บริษัท พีเอ็มซี เลเบิล แมททีเรีลส์ จำกัด (PMCT) ซึ่งจดทะเบียนในประเทศไทย จำนวน 1,000,000 หุ้น จาก นาย ตัน ยง เฮง และผู้หุ้นเดิมอีกสองราย (กลุ่มผู้ขายหุ้น PMCT) รวมเป็นจำนวนเงินไม่เกิน 945,000,000 บาท และซื้อหุ้นสามัญทั้งหมดใน บริษัท พีเอ็มซี เลเบิล แมททีเรีลส์ พีทีอี ลิมิเตด (PMCS) ซึ่งจดทะเบียนในประเทศสิงคโปร์จำนวน 2 หุ้น จากนาย ตัน ยง เฮง และนางสาว ตัน ซู ลัง (กลุ่มผู้ขายหุ้น PMCS) เป็นจำนวนเงินไม่เกิน 105,000,000 บาท รวมเป็นจำนวนเงินทั้งสิ้นไม่เกิน 1,050,000,000 บาท (การซื้อหุ้นกลุ่ม PMC) โดยบริษัทฯ ได้แต่งตั้งให้บริษัท แอดไวซอรี่ พลัส จำกัด ทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษาทางการเงินอิสระเพื่อให้ความเห็นเกี่ยวกับการเข้าทำการซื้อหุ้นกลุ่ม PMC แก่ผู้ถือหุ้น ซึ่งบริษัทฯ คาดว่าการเข้าทำรายการดังกล่าวจะเสร็จสิ้นสมบูรณ์ภายในเดือนมกราคม ปี2562
"SELIC ที่เราเข้าไปซื้อครั้งนี้ เรามองว่าเป็นโอกาสที่ดี และ PMC จะเป็นตัวที่เสริมกันและกัน เป็นโอกาสในการเพิ่มรายได้ เพิ่มกำไร และยังเป็นเวทีใหม่ในการที่เราจะเข้าไปสร้างกลุ่มผลิตภัณฑ์ใหม่ ถือเป็นกลยุทธ์ใหม่ในการดำเนินธุรกิจที่เราเลือก และหวังว่าจะสร้างผลตอบแทนที่ดีต่อผู้ถือหุ้นของบริษัท" นายเอกกล่าว
ทั้งนี้ PMCT ประกอบธุรกิจผลิตและจัดจำหน่ายสติกเกอร์ในประเทศไทยและต่างประเทศ โดยใช้กาว กระดาษ และฟิล์ม เป็นวัตถุดิบหลัก โดยผลิตภัณฑ์ประกอบด้วย สติกเกอร์ อันประกอบด้วย 1. สติกเกอร์แบบกระดาษ 2. สติกเกอร์แบบฟิล์ม และ 3. สติกเกอร์แบบพิเศษ เช่น สติกเกอร์ที่มีการพิมพ์นูน (แสตมป์ 7-11) สติกเกอร์โฮโลแกรม (แสดงภาพเป็น 3 มิติ) ซึ่งโรงพิมพ์รับคำสั่งซื้อฉลากประเภทสติกเกอร์จากผู้ผลิตสินค้าในอุตสาหกรรมต่าง ๆ โดยเฉพาะกลุ่มอุปโภคบริโภคเพื่อใช้กับบรรจุภัณฑ์ต่าง ๆ
ส่วน PMCS ประกอบธุรกิจผลิตและจัดจำหน่ายสติกเกอร์ในประเทศในสิงคโปร์และต่างประเทศ โดยจะทำการสั่งซื้อสติกเกอร์สำเร็จรูปหรือกึ่งสาเร็จรูปจาก PMCT และนำไปผลิตต่อตามคำสั่งซื้อของลูกค้า โดยผลิตภัณฑ์ประกอบด้วยสติกเกอร์ อันประกอบด้วย 1. สติกเกอร์แบบกระดาษ 2. สติกเกอร์แบบฟิล์ม และ 3. สติกเกอร์แบบพิเศษ ซึ่งเป็นโรงพิมพ์ในประเทศสิงคโปร์
นางสาวยุวดี เอี่ยมสนธิทรัพย์ รักษาการรองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กล่าวเสริมว่า บริษัทฯ เล็งเห็นว่า การเข้าทำรายการในครั้งนี้จะก่อให้เกิดประโยชน์แก่บริษัทฯ และผู้ถือหุ้นของบริษัทฯดังนี้
- บริษัทมียอดขายและกำไรที่เพิ่มขึ้นจากธุรกิจของกลุ่มกิจการ
- เพิ่มฐานลูกค้าไปยังกลุ่มอุตสาหกรรมต่าง ๆ เช่น อุตสาหกรรมผลิตสินค้าอุปโภคบริโภค โดยเฉพาะกลุ่มอาหารและเครื่องดื่ม อุตสาหกรรมรองเท้าและเครื่องหนัง อุตสาหกรรมเฟอร์นิเจอร์ อุตสาหกรรมรถยนต์ เป็นต้นได้กว้างขึ้นทั้งในประเทศและต่างประเทศ
- เพิ่มโอกาสในการต่อยอดพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์ใหม่ทั้งในกลุ่มผลิตภัณฑ์กาวและผลิตภัณฑ์สติกเกอร์ เช่น กาวชนิด UV-curable กาวประเภท PU based laminating สติกเกอร์ทนความร้อน สติกเกอร์ประเภท removable เป็นต้น ถือเป็นการเพิ่มความสามารถในการผลิตและความสามารถในการแข่งขันของบริษัทฯ ด้วยเพิ่มโอกาสในการนำเสนอผลิตภัณฑ์ รวมถึงการให้บริการที่ครอบคลุมความต้องการลูกค้าได้ดียิ่งขึ้น
สำหรับการเข้าซื้อกิจการในครั้งนี้ SELIC มองว่าจะเป็นส่วนเสริมของทั้งสองบริษัทร่วมกัน โดยปัจจุบันบริษัทฯ ผลิตและจำหน่ายกาวสำหรับฉลากที่ต้องทากาวในขั้นตอนการปิดฉลาก (Glue applied label) ให้แก่ผู้ผลิตหลายรายในตลาด ในขณะที่กลุ่มกิจการผลิตและจำหน่ายสติกเกอร์ให้กับโรงพิมพ์ต่าง ๆ ที่นำไปจัดทำเป็นฉลากบรรจุภัณฑ์ในรูปแบบสติกเกอร์ที่มีกาวติดมาในฉลาก (Self-adhesive labelling) อยู่หลากหลายอุตสาหกรรม โดยมีกาวเป็นหนึ่งในวัตถุดิบหลัก ดังนั้นจึงสามารถสรุปได้ว่าธุรกิจของกลุ่มกิจการถือได้ว่ามีความเสริมกันและกันกับธุรกิจของบริษัทฯ อันจะทำให้เกิดประโยชน์แก่บริษัทฯ กล่าวคือ
- ช่วยเพิ่มการใช้กำลังการผลิต (Utilization rate) ของบริษัทฯ สำหรับผลิตภัณฑ์กาวน้ำ (Water-based adhesive) และผลิตภัณฑ์กาวหลอมร้อน (Hot Melt Adhesive) เนื่องด้วยกาวเป็นวัตถุดิบหลักสาหรับการผลิตสติกเกอร์ของกลุ่มกิจการ ปัจจุบันบริษัทฯ มีกำลังการผลิตกาวน้ำและกาวหลอมร้อนคงเหลือที่จะสามารถรองรับการผลิตที่เพิ่มขึ้นได้ในอนาคต เช่น ความต้องการกาวน้ำและกาวหลอมร้อนที่เพิ่มขึ้นจากผลิตภัณฑ์สติกเกอร์
- ช่วยให้บริษัทฯ สามารถขายกาวไปยังกลุ่มอุตสาหกรรมต่าง ๆ ได้กว้างขึ้นผ่านการผลิตฉลาก และเป็นการเพิ่มช่องทางการจัดจำหน่ายสินค้าให้กับผลิตภัณฑ์สติกเกอร์
- ช่วยให้เกิดการต่อยอดพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์ใหม่ทั้งในกลุ่มผลิตภัณฑ์กาวและผลิตภัณฑ์สติกเกอร์
"SELIC" เป็นผู้ให้บริการเทคโนโลยีกาวอุตสาหกรรมแบบครบครันแก่ลูกค้าในอุตสาหกรรมต่าง ๆ อย่างกว้างขวางทั้งในและต่างประเทศ ดังนั้นการเข้าซื้อกิจการในครั้งนี้จะเป็นเหมือนโอกาส และส่วนเสริมทางธุรกิจที่สำคัญ ช่วยให้มีการต่อยอดทางธุรกิจ และเป็นการเสริมของทั้ง 2 บริษัทให้มีการเติบโตที่แข็งแกร่ง”นางสาวยุวดีกล่าวทิ้งท้าย