ซีลิค (SELIC) เผยมีมาตรการรับมือโควิดในระดับดีเยี่ยม จากผลการตรวจสุขภาพองค์กร โดยสถาบันไทยพัฒน์
บมจ. ซีลิค คอร์พ (SELIC) มีผลการตรวจสุขภาพองค์กร ด้านการรับมือโรคโควิดในระดับดีเยี่ยม จากสถาบันไทยพัฒน์ ด้านผู้บริหาร "ยุวดี เอี่ยมสนธิทรัพย์" กรรมการผู้จัดการ เผยกลุ่มบริษัทมีมาตรการรับมือโควิด 19 ขององค์กร รอบด้านทั้งส่วนพนักงาน-ลูกค้า-คู่ค้า-ชุมชน-ภาครัฐ และผู้ถือหุ้น พร้อมย้ำผลตรวจสุขภาพองค์กรที่ดีเยี่ยม สะท้อนการดำเนินกิจการของบริษัทที่ครอบคลุมผู้มีส่วนได้เสียและการดำเนินงานอย่างยั่งยืน
นางสาวยุวดี เอี่ยมสนธิทรัพย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซีลิค คอร์พ จำกัด (มหาชน) หรือ SELIC เปิดเผยว่า กลุ่มบริษัทฯ มีความยินดีที่ได้รับผลการตรวจสุขภาพองค์กรต่อการรับมือโควิด-19 ในระดับดีเยี่ยม (Excellent) โดยสถาบันไทยพัฒน์ ซึ่งจากผลการรับมือระดับนี้สะท้อนการดำเนินงานที่คำนึงถึงผู้มีส่วนได้เสียอย่างครอบคลุม และเป็นการดำเนินกิจการที่ส่งเสริมด้านความยั่งยืนของบริษัท
ทั้งนี้ การตรวจสุขภาพองค์กรด้านการรับมือโรคโควิด โดยสถาบันไทยพัฒน์ จัดทำรายงานการตรวจสอบโดยพิจารณาให้คะแนนมาตรการการดำเนินการในการรับมือที่เกี่ยวข้องกับผู้มีส่วนได้เสียหลัก 6 กลุ่ม ได้แก่ พนักงาน ลูกค้า คู่ค้า หน่วยงานภาครัฐ ชุมชน และผู้ถือหุ้น โดยคะแนนแต่ละกลุ่มจะมีคะแนนเต็ม 5
สำหรับผลการตรวจการดำเนินการรับมือของ บริษัท ซีลิค คอร์พ จำกัด (มหาชน) พบว่า มีคะแนนเต็ม 5 ในด้านพนักงาน ด้านลูกค้า ด้านหน่วยงานภาครัฐ และด้านชุมชน ในขณะที่มาตรการในด้านผู้ถือหุ้น และด้านคู่ค้า มีระดับคะแนน 4.5, 4 ตามลำดับ และเมื่อรวมคะแนนมาตรการรับมือในทุกด้าน ผลการตรวจสุขภาพองค์กร (Corporate Health Check) ของกลุ่มบริษัทฯ มีคะแนนเฉลี่ยอยู่ที่ 4.75 จากคะแนนเต็ม 5 หรือคิดเป็น 95% ถือว่ากลุ่มบริษัทฯ มีมาตรการในการรับมือโรคโควิดในระดับดีเยี่ยม (Excellent)
นาวสาวยุวดี กล่าวเพิ่มเติมว่า บริษัทฯ เล็งเห็นถึงความสำคัญกับผู้ได้เสียทุกกลุ่มซึ่งกลุ่มแรกที่ใกล้ตัวที่สุดคือพนักงาน มาตรการด้านพนักงานต่าง ๆ รวมถึงการจัดทำแบบตรวจสอบสุขภาพพนักงาน ตรวจวัดไข้ก่อนเข้างาน สวมหน้ากากอนามัย การเว้นระยะห่าง รณรงค์การล้างมือ ตั้งเจลแอลกอฮอล์ทางเข้า-ออกทุกจุด รวมถึงระงับแผนการเดินทางทางธุรกิจไปยังต่างประเทศ นอกจากนี้ ยังจัดให้มีช่องทางการติดต่อสื่อสารสองทางกับพนักงาน รวมถึงมีการซื้อประกันภัยโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ให้แก่พนักงานทุกคน การจัดเว้นระยะที่นั่งในห้องประชุมและห้องอาหาร อีกทั้งยังมีการจัดให้มีการตรวจคัดกรองพนักงานและผู้มาติดต่อด้วยการวัดไข้ พร้อมตอบแบบสำรวจสุขภาพและมีการจัดตั้งคณะทำงานในกรณีฉุกเฉินสำหรับประสานงานต่าง ๆ เป็นต้น
อย่างไรก็ตาม ทางสถาบันฯ ได้เผยแพร่รายงานฉบับดังกล่าวตามเวปไซต์และสื่อของสถาบันฯ เพื่อแสดงเป็นกรณีตัวอย่างให้แก่องค์กรอื่น ๆ ต่อไป